เอาชีวิตเป็นเดิมพันในการภาวนา

แสดงธรรม กลุ่มต้นบุญ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2558
ท่านทรงกลด : สมัยพุทธกาลมีชายคนหนึ่งมีพี่น้องหลายคนและมีทรัพย์สมบัติมาก ต่อมาก็ออกบวชในพุทธศาสนา พี่น้องไม่วางใจ ส่งโจรกลุ่มหนึ่งมาตามฆ่า พอพบพระภิกษุรูปนั้นก็จะเข้ามาฆ่า พระก็งง บอกว่า ไม่เคยทำอะไรใครเลย โจรจึงเล่าความจริงให้ฟัง พระก็บังเกิดความสลดใจในความโลภของมนุษย์ จึงบอกกับโจรพวกนั้นว่า ขอเจริญภาวนาสติปัฏฐานที่พระพุทธเจ้าสอนก่อนได้ไหม พวกโจรบอกว่า ไม่ได้ ต้องฆ่าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นท่านจะหนีไป พระจึงบอกว่า งั้นเอางี้… เราจะเอาหินก้อนใหญ่ตีขาสองข้างให้หัก จะได้หนีไม่ได้ พวกโจรจึงยอม พระก็เอาหินใหญ่ทุบขาทั้งสองข้างจนกระดูกแตกละเอียด หนีไปไหนไม่ได้
พระได้รับทุกขเวทนาทางกายมากเพราะกระดูกขาแตกละเอียดทั้งสองข้าง ก็เอาทุกขเวทนานั้นมาเจริญด้วยพระไตรลักษณ์ มีสติอยู่เฉพาะหน้า รู้สึกตัวทั่วพร้อม เอาความเจ็บปวดมาพิจารณาให้เห็นว่า เมื่อสักครู่ความเจ็บปวดก็ไม่มี บัดนี้ มันมีแล้ว มันปรุงแต่งขึ้นแล้ว พระบรมศาสดาสอนว่า ขึ้นชื่อว่า สังขาร ย่อมไม่เที่ยง หาแก่นสารไม่ได้ เอาเวทนาขึ้นมาพิจารณาเห็นว่า เวทนานี้ไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ ต้องเสื่อมต้องดับไปตามร่างกายที่กำลังจะถูกฆ่าเป็นแน่ ควรหรือที่เราจะมายึดมั่นเวทนานี้ว่าเป็นเรา ของเราอยู่
เมื่อพิจารณาถึงตรงนี้ จิตก็ละความยึดมั่นในทุกขเวทนานั้นออกมาตั้งมั่น เห็นชัดแจ้งว่า เวทนาก็เวทนา ไม่ใช่เรา และไม่ใช่ของเราด้วย จิตก็หลุดพ้นเหมือนอย่างที่พระสุภัททะหลุดพ้นไปฉะนั้น
เห็นไหม สมัยก่อนเขาปฏิบัติกันเอาชีวิตเป็นเดิมพัน พวกเรา ทำนิดๆ หน่อยๆ ก็บอกปฏิบัติแทบตายแล้ว แล้วก็บ่นว่า ไม่เห็นจะรู้จะเห็นอะไรเลย พระพุทธเจ้าโม้กระมัง ถ้าท่านทุ่มชีวิตปฏิบัติ ถ้าท่านไม่ทิ้งธรรม ธรรมก็ไม่ทิ้งท่าน ผมรับรอง ขอให้เอาจริงเถิด
ขอให้ได้ดวงตาเห็นธรรมด้วยกันทุกคนในชาติปัจจุบันนี้เทอญ