ถาม-ตอบ

สงบ… แต่ขาดสติ

แสดงธรรม  กลุ่ม Natural Mind เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2558

 

ท่านทรงกลด : ถ้าสงบอย่างเดียว  แต่ขาดสติ  เวลาออกมาเจออารมณ์จะเห็นง่าย คว้าง่าย  สติจึงสำคัญมาก สติคือ ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม คนที่ให้ความหมายของสติ แล้วทำให้ผมปฏิบัติก้าวหน้าดีมากคือ หลวงปู่ดูลย์ ท่านบอกว่า ให้รู้อยู่กับที่  รู้สึกตัวอยู่กับที่ ความระลึกได้ในลักษณะรู้สึกตัวนี่แหละคือสติ แต่ถ้าเป็นความระลึกได้ในลักษณะความจำ (สัญญา) ไม่ใช่สติ  

ถ้าอยากรู้สติว่าเป็นอย่างไร หายใจเข้าลึกๆ แรงๆ จะตื่นตัวขึ้นมา ตื่นรู้นี่แหละคือสติ มีลักษณะอาการเหมือนจิตมากที่สุด สติคือผู้รู้  รู้ออกมาจากจิต แต่ไม่ใช่จิต แต่ทว่ามีอาการเหมือนกันคือรู้เหมือนกัน

เราจะเริ่มรู้สึกตัวมากขึ้นๆ เมื่อจิตตกกระแสโสดาปัตติมรรค ตอนนี้มันจะขาดๆ หายๆ เหมือนไฟติดๆ ดับๆ ต่อเมื่อเร่งความเพียร อยู่กับมันนานขึ้นๆ มันจะมีกำลังสลัดอารมณ์ออกมาให้เห็น วันหนึ่งลองสังเกตดูว่า ตนมีสติมากน้อยกี่นาที สติมากเท่าใดก็ใกล้ที่จะรู้ธรรม เห็นธรรม ใกล้อริยผลมากเท่านั้น ขณะเดียวกันใช้ปัญญา คือ เห็นอารมณ์ทั้งปวงเป็นอนิจจัง  ไม่ควรเข้าไปหมายมั่น  คราวนี้เมื่อเห็นธรรมแล้วก็ไม่ต้องกำหนดมาก

ความเห็นชอบ เห็นอารมณ์ไม่ใช่เรา ของเรา ทำให้สติเกิดขึ้นมาได้เป็นอัตโนมัติทีเดียว สติที่เราฝึกทุกวันนี้กับสัมมาสติในมรรคมีองค์แปด อรรถรสอันเดียวกัน แต่ที่มาต่างกัน สัมมาสติในมรรคจะเป็นสติที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นชอบ (สัมมาทิฏฐิ) จะไม่เหมือนสติที่เกิดจากการกำหนด ฝึกปฏิบัติอย่างที่กระทำอยู่ เมื่อบรรลุอย่างน้อยโสดาปัตติผล พระพุทธเจ้าบอก  ก็คือ บรรลุโลกุตรมรรค สติจะมาเองโดยไม่ต้องกำหนด

ตอนนี้ที่เรากำลังปฏิบัติกันอยู่คือ โลกียมรรค สติปัฏฐานสี่ยังเป็นโลกียมรรค ต่อเมื่อได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบันจะเข้าสู่โลกุตรมรรค ถึงตอนนั้นจะเห็นว่า ที่แสดงไปเป็นจริง