ธรรมะสำหรับผู้ครองเรือน

ธรรมะสำหรับผู้ครองเรือน
แสดงธรรม กลุ่มสายธารธรรม เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2560
ผู้ปฏิบัติ : ขอความกรุณาท่านอาจารย์สาธยายธรรมเรื่องธรรมะของผู้ครองเรือนและวิธีการปฏิบัติธรรมของผู้ครองเรือนให้พ้นทุกข์ด้วยค่ะ
ท่านทรงกลด : อย่างที่เคยแสดงไปหลายครั้งแล้วว่า ธรรมะที่แสดงไม่ได้มุ่งหวังจะให้พ้นทุกข์ ไปนิพพานเสียในทันทีทันใด เรื่องนิพพาน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่เข้าใจหรือเห็นอยู่ ส่วนใหญ่จะเห็นแต่นิพพานปลอมทั้งสิ้น
ในเบื้องต้นนี้ เอาแค่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็พออย่างที่เขียนไว้ในหนังสือ พอเห็นตามจริงว่า อะไรเป็นอะไร นิพพานจะตามมาเองโดยอัตโนมัติ ช้าเร็วก็ต้องไหลไปนิพพาน เพราะผู้ที่รู้เห็นว่า อะไรเป็นอะไร จิตย่อมตกกระแสแล้ว กระแสธรรมก็คือ กระแส
พระนิพพาน ผู้ที่รู้เห็นว่า อะไรเป็นอะไร ก็คือ ผู้มีดวงตาเห็นธรรม เห็นขันธ์ห้าตามความเป็นจริงแบบนางวิสาขา สามารถใช้ชีวิตครองเรือนได้ตามปกติ มีลูกเมียสามีปกติได้
บางคนพอบอกนิพพานก็กลัว กลัวว่าจะไม่มีเพื่อนฝูงญาติมิตร เพราะไปเชื่อที่เขาสอนว่า นิพพานไม่มีอะไร ว่างเปล่า สูญ เลยมองแบบหยาบๆ แบบโลกๆ ว่า คงไม่สนุกแน่ถ้านิพพานเป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าจึงบอกว่า ท่านทั้งหลายอย่ากลัวคำว่านิพพานเลย แสดงว่า คนสมัยพุทธกาลก็กลัวเหมือนกัน
พระพุทธองค์ทรงบอกว่า นิพพานเป็นชื่อแห่งความสุข ถ้าไม่สุข พระองค์ก็คงไม่เอาพระราหุลไปด้วยหรอก แต่นิพพานก็ไม่ใช่ความสนุก แต่เป็นความสงบ ไม่ได้สูญ และอย่าคิดว่าเป็นเมืองแก้วอะไร มันไม่มีการปรุงแต่ง ในนั้นไม่มีเมือง ไม่มีเจดีย์อะไรทั้งนั้นแต่มีอยู่ หลวงปู่ชาบอกว่า คือ ความว่างที่มีอยู่ ไม่ใช่ว่างในสิ่งที่ไม่มี มันสุขจริงๆ เรื่องนิพพานนี้ ให้ไปอ่านในหนังสือกว่าจะถึงกระแสธรรม ผมเขียนไว้พอสังเขป แต่จะให้แสดงนี่ คนไม่เห็นธรรม ไม่มีวันเข้าใจหรอก จะได้แต่สัญญาความจำเท่านั้นเอง และต้องบอกตรงๆ ไว้ ตรงนี้เลยว่า ยิ่งเราปฏิบัติเข้าใกล้นิพพานมากเท่าใด ก็รู้สึกท้อใจที่จะสอนมากเท่านั้น เป็นอย่างนั้นจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาทำความเข้าใจกันแค่วันสองวัน
บางคนภาวนาได้ไม่กี่เดือนบอกเห็นธรรม ถึงธรรมพ้นทุกข์แล้ว อดขำไม่ได้ เป็นพ้นทุกข์ปลอม เมื่อกี้ก็มีท่านหนึ่งไลน์มาคุย บอกไอ้ที่สงบเงียบอยู่ นึกว่าพ้นทุกข์แล้ว เพราะยังไม่มีของจริงหรือโจทย์จริงมาทดสอบหรอก ถ้ามีก็จะรู้ทันทีว่า พ้นจริงไม่จริง ถ้าไม่หลอกตนเองนะ ให้เอาของจริงนะ อย่าเอาของหลอก ของหลอกอยู่ได้ไม่นาน ของจริง พ้นอย่างไรก็พ้นอย่างนั้น
นิโรธคือ ความดับทุกข์ของพระอริยเจ้า ไม่ใช่ดับตอนหลับตาสวดมนต์ มันดับทุกขณะ ถ้าดับตอนหลับตาสวดมนต์ นี่ดับปลอม และก่อนจะดับจริงได้ มันต้องเห็นตามจริงก่อนว่าอะไรเป็นอะไร สัมมาทิฏฐิต้องมาก่อน มรรคไม่มี จะเอาที่ไหนมาดับทุกข์ ถ้ามรรคปลอม ผลก็ต้องปลอม เป็นธรรมดา
สำหรับผู้ครองเรือน ก็หายากคนที่จะเอาธรรมแท้ ส่วนใหญ่ก็วุ่นอยู่กับธรรมปลอม แม้การไหว้พระ สวดมนต์ ให้ทาน ทำบุญมากมาย ก็ยังได้ชื่อว่าเป็น ธรรมปลอมอยู่ ธรรมจริงก็คือ สติ
ธรรมะสำหรับผู้ครองเรือนมีมากมายลองหาอ่านดู พระพุทธเจ้าสอนไว้มาก แต่ส่วนใหญ่ก็ยังข้องอยู่ในโลก ส่วนผู้ครองเรือนที่เจริญสติ เมื่อพบธรรมเห็นธรรม จึงจะเป็นผู้มีธรรมะจริง ธรรมะทั้งหลายของผู้ครองเรือนทั้งหลายก็จะรวบมาไว้แห่งเดียวคือสตินี่เอง
ถามผมตอนนี้ว่า ธรรมของผู้ครองเรือนคืออะไร ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เรือนที่ครองอยู่ ก็ครองไปตามหน้าที่เท่านั้นเอง ทำหน้าที่เท่าที่จะทำได้ การครองเรือนที่จะนำไปสู่การพ้นทุกข์ มีหนทางเดียวก็คือ การเจริญสติ นอกนั้นไม่มี พอเจริญสติเห็นอะไรเป็นอะไรแล้ว การครองเรือนจะง่ายขึ้น เบาขึ้น เยือกเย็นขึ้น พอเยือกเย็นมากระดับหนึ่งก็จะทิ้งเรือนไปในที่สุด
ที่พอจะบอกได้อย่างหนึ่งสำหรับผู้ครองเรือนทั้งหลาย ธรรมที่สำคัญก็คือ การอโหสิกรรมและการให้อภัย การให้ทั้งหมดรวบมาไว้ที่ตรงนี้ ถ้าให้อภัยได้ทุกเรื่อง การครองเรือนก็จะปกติสุข เริ่มต้นก็ให้อภัยแบบโลกๆ ไปก่อน เช่น พยายามคิดว่าเขาก็มีดีอยู่ ทุกคนก็ทำผิดได้ แม้เราก็เคยทำผิด ควรให้โอกาสเขา เขาเคยทำดีต่อเรา สุดแท้แต่ใจจะ ”ปรุงแต่ง” ว่าจะให้อภัยได้อย่างไร
ที่ผมเคยลงไว้ให้อ่าน การให้อภัยนี่ไม่ได้ทำเพื่อใคร ทำเพื่อตนเองนี่แหละ พอให้อภัยแล้วใจมันก็สบายสงบขึ้นมา ไม่รุ่มร้อนเหมือนตอนที่ไม่ให้อภัย อากาศร้อนยังวิ่งไปหาที่เย็นๆ เลย แล้วทำไมปล่อยให้ใจมันร้อนอยู่เล่า ทำไมโง่กว่าอากาศที่ไม่มีชีวิตจิตใจ
นี่คือ การให้อภัยแบบโลกๆ ซึ่งก็ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
แต่การให้อภัยที่เด็ดขาด ก็คือ การเจริญสติจนรู้เท่าทันอารมณ์ ทำอย่างไร เมื่อใครทำให้เราไม่พอใจ โกรธ ก็จงมีความรู้สึกตัวขึ้นมา ให้มีสติ และให้พิจารณาอารมณ์โกรธ ไม่พอใจนั้นด้วยอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทำอยู่อย่างนี้ ได้บ้าง ไม่ได้บ้างไม่เป็นไร พอทำบ่อยๆ วันหนึ่งจะเห็นอารมณ์ดับไปให้เห็น
แรกๆ จะเห็นไม่ต่อเนื่อง เห็นบ้าง ไม่เห็นบ้าง พอเห็นมากเข้าๆ ๆ ๆ จิตจะผละออกจากอารมณ์ มาตั้งมั่นเด่นอยู่ จิตที่ตั้งมั่นนี่คือสัมมาสมาธิ เห็นจิตพบธรรม ดวงตาเห็นธรรมเกิดตรงนี้ เรียกว่า โสดาปัตติผล จะเห็นอารมณ์โกรธ ไม่ยินดี (ทุกขเวทนา) ตามจริง เรียกว่า เกิดญาณทัสนะ เห็นแจ้งเลยว่า อารมณ์ทั้งปวงไม่ใช่เราของเรา เห็นเหมือนพระอัญญาโกณฑัญญะ พอเห็นธรรมแล้ว ต่อไปเมื่ออารมณ์โกรธ อารมณ์ไม่ยินดีเกิดก็จะรู้เท่าทันเอง จิตจะไม่รับอารมณ์ เมื่อจิตไม่รับอารมณ์ ก็ไม่มีอะไร “ติดค้าง” อยู่ในใจ มันก็ดับไปตามธรรมดาของมัน เมื่อมันดับไปก็ไม่เหลืออะไรจะให้อภัย จิตของพระอริยเจ้าจึงเป็นจิตที่อโหสิกรรมอยู่ตลอดเวลา
เหตุนี้เอง พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ความพยาบาทย่อมไม่มีอยู่ในจิตของพระโสดาบัน นี่แค่เห็นแค่นี้ก็หมดพยาบาทใครเขาแล้ว จิตย่อมสงบเยือกเย็นโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องคอยปรุงแต่ง คิดบวกอะไรเลย มันเป็นไปของมันเอง จึงเรียกว่า เป็นการให้อภัยแบบ “ไม่ต้องทำอะไร” ถ้าฝึกใจถึงขั้นนี้ได้ การครองเรือนก็จะง่ายขึ้น สงบขึ้น สุขขึ้น ก็ลองไปทำดู
ธรรมที่แสดง ก็ขอให้เอาไปใช้ในชีวิตจริงบ้าง อย่าสักแต่ว่าอ่านทิ้งเขี่ยๆ ไป บางคนบอก ไม่เห็นจะให้อะไรเลยธรรมที่แสดง แต่พอพ่อป่วย ญาติเจ็บ พี่น้องตาย ก็ทุกข์ร้อนแทบจะตายตาม ถ้าเอาธรรมที่แสดงไปใช้บ้างจะไม่สติแตกให้เห็น ต่างกับคนมีปัญญา อ่านแล้วก็เอาไปใช้ และได้เห็นผลประจักษ์ใจ ไลน์มาบอก มีความมั่นใจในแนวทางการปฏิบัติ คนไม่มีปัญญากับคนมีปัญญา ต่างกันตรงนี้เอง อย่างท่านหนึ่ง บอกว่า ยิ่งย้อนไปอ่านธรรมที่แสดงไว้ก็ยิ่งเห็นความลึกซึ้งของธรรมที่แสดง ถ้าคนเขลาเบาปัญญา อ่านแล้วก็เหมือนไม่ได้อ่าน ท่านที่ทำมา ปฏิบัติมา อ่านธรรมที่ผมแสดงก็จะรู้ได้เอง พระพุทธเจ้าจึงแบ่งคนเหมือนดอกบัวสี่เหล่า ก็ด้วยเหตุนี้
อนึ่ง ธรรมที่แสดงไว้ กำลังมีทีมงานรับอาสาเข้ามารวบรวม จะจัดทำเป็นหนังสือ เริ่มที่กลุ่มสายธารธรรมที่ตั้งเมื่อต้นปี 2560 ตอนนี้สมาชิกก็มีมากมาย ทีมงานนี่แหละที่อ่านแล้วได้อะไรมากมาย พบความลึกซึ้งของธรรมที่แสดงลื่นไหลออกมาขณะที่แสดง ธรรมที่แสดงก็แสดงทิ้งไว้เป็นมรดกโลกเท่านั้นเอง ถ้ามันจะมีประโยชน์ต่อโลก พระพุทธเจ้าก็ส่งคนมาดำเนินการต่อให้เท่านั้นเอง ธรรมที่แสดงใครจะศรัทธา นำไปใช้ ก็ได้กับเขา ใครจะหัวเราะเยาะก็ได้กับเขา ใครจะปรามาสก็ได้กับเขา ใครอ่านแล้วไม่เอาก็ได้กับเขา ส่วนเรา “ไม่เอา” ด้วยแม้นิดเดียว
ก็อนุโมทนากับทีมงานสานธรรมสู่ธรรมที่ทำเพจเผยแผ่ธรรมะให้ อนุโมทนากับทีมงานสายธารธรรมที่รวบรวมธรรมที่ถามตอบ และทุกๆ คนที่ได้ร่วมทำบุญหนังสือกันมา ขอให้เจริญในธรรมทุกคน
ผู้ปฏิบัติ : ที่ว่า เรื่องนิพพานอะไรนี่ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่เข้าใจ หรือเห็นอยู่ ส่วนใหญ่จะเห็นแต่นิพพานปลอมทั้งสิ้น จะถามว่า นิพพานปลอมเป็นอย่างไร นิพพานปลอมๆ นำไปสู่นิพพานจริงได้ใช่ไหม พออ่านแล้วมีคำตอบแล้วค่ะ และ ถ้าเอาคู่ครองมาเป็นครูฝึกจิตฝึกใจ ให้อภัยคู่ครองได้บ่อยๆ มีสติรู้เท่าทันอารมณ์บ่อยๆ ก็จะปล่อยวางคู่ครองได้เรื่อยๆ จนไม่ยึดเขาใช่ไหมคะ อ่านแล้วก็มีคำตอบอีกเช่นกันค่ะ เป็นแบบนี้ตลอดเลยค่ะ เข้าใจๆๆ และนำไปปฏิบัติได้จริงๆ ถ้าทำได้จริง ก็เห็นจริงเองค่ะ สาธุๆๆ ค่ะ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ
ท่านทรงกลด : คนมีปัญญา ถามแล้วก็จะได้คำตอบเองแบบนี้แหละ สาธุๆ