ขัดใจกับขัดที่ใจคือเรื่องเดียวกัน

แสดงธรรม กลุ่มสายธารธรรม เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2560
ผู้ปฏิบัติ : อ่านหนังสือ ขัดที่ใจ ของหลวงพ่อสนองแล้วก็ฝึก “ขัดที่ใจตัวเอง” มาตลอด พยายามฝึกสิ่งที่มากระทบใจหลายเรื่อง ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็จะพยายามฝึกไปตลอดชีวิต มีเรื่องหนึ่งคือ เวลาพบเจอเรื่องราวที่เศร้ามากๆ รู้สึกระทบที่ใจจนมีอาการ แม้กระทั่งเรื่องราวที่ไม่จริง เช่น ละคร หนัง ความเศร้าโศก พิไรรำพัน ก็จะออกมามากมาย ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าไม่ใช่เรื่องจริง มีวิธีฝึก “ขัดที่ใจ” เรื่องนี้ได้อย่างไรบ้างคะ
ท่านทรงกลด : เรื่องการขัดใจกับขัดที่ใจคือเรื่องเดียวกัน ถ้าเราขัดใจตนเองบ่อยเท่ากับขัดที่ใจไปด้วย เพราะอะไร แน่ะ ธรรมะมันไหลอีกแล้ว เหมือนมีพระพุทธเจ้ามายืนอยู่ข้างหลังอย่างนั้นนะ ปกติปุถุชนคนทั่วไปไม่เคยขัดใจตนเองเลย ปล่อยให้ใจวิ่งตามอารมณ์ วิ่งตามกิเลส ใจจึงเศร้าหมอง สกปรกด้วยอำนาจราคะ โทสะ พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า ธรรมะของตถาคตเป็นธรรมะสวนกระแสโลก ซึ่งเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราต้องสวนกระแสโลกจึงจะถึงกระแสธรรม
อย่างร่างกายเรา ทางโลกมองว่าสวยงาม ถ้าเห็นว่ามันสวยงาม ใจจะเศร้าหมอง แต่ถ้าเห็นตามจริงว่ามันสกปรก ใจเราจะสะอาดผ่องใสขึ้นมา ถ้ามันสะอาดจริง ทำไมต้องคอยเช็ดขี้ เช็ดเยี่ยว ทำไมต้องคอยอาบน้ำ แปรงฟัน ลองเปิดตาดูความจริงกันได้แล้ว หรือที่ทางโลกเขาสอนให้เอา ให้มี ให้เป็นมากๆ สมบัติต้องสะสม ต้องแสวงหา ชื่อเสียง เกียรติยศ สอนให้หาความสุขให้มากที่สุด หารู้ว่า สุขนี้คือขนมอาบยาพิษ พาเราให้เวียนว่ายตายเกิด ทำให้เราประมาท พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า สูเจ้าทั้งหลายจงมาดูโลกอันงดงามดุจราชรถอันคนเขลาติดอยู่ แต่ผู้รู้หาข้องไม่
การปฏิบัติธรรม การเจริญสติคือ การขัดใจตนเอง เช่น พอมีอารมณ์สุขก็ให้มีสติ ไม่ไหลตาม นี่เรียกว่า ขัดใจตนเอง พอมีทุกข์ ความไม่ชอบใจ ก็ต้องมีสติรู้เท่าทัน ไม่ไหลตามเหมือนแต่ก่อนที่พอความไม่ชอบใจเกิดก็ไหลตามไปเป็นโทสะ เปิดปากระเบิดอารมณ์ใส่คนรอบข้าง ถ้าไหลตามอารมณ์ชอบใจเมื่อใด ราคะเกิด ถ้าไหลตามอารมณ์ไม่ชอบใจเมื่อใด โทสะเกิด ตรงนี้แหละใจจะเศร้าหมอง แต่ถ้ามีสติขัดใจก็เท่ากับหยุดราคะ โทสะ หรือถ้ามีราคะ โทสะแล้ว ใจเศร้าหมองแล้ว พระพุทธเจ้าก็สอนว่า จิตมีราคะให้รู้ มีโทสะให้รู้ พอรู้ จิตก็ออกจากอารมณ์โทสะนั้น ราคะนั้น พอออกมาก็กลายเป็นใจที่สะอาด นี่แหละเรียกว่าขัดที่ใจ สตินี่แหละคือตัวขัดใจให้สะอาด
หลวงปู่มั่นจึงสอนสั้นๆ ว่า สติคือเครื่องฟอกกิเลส ถ้ามีสติบริบูรณ์ แม้จะคิดไปในทางมุ่งร้ายใครมันก็ดับไปทันที เพราะสตินั่นแหละเป็นตัวหักกลบ ไม่มีอะไรเหลือ ก็เลยกลายเป็นใจที่ว่าง สุขอยู่อย่างนั้น
คำถามนี้ก็ไม่เคยมีใครถาม คำตอบนี้ก็ไม่เคยตอบใครแบบนี้ มันออกมาจากจิตปัจจุบันนี่แหละ ถ้าจะขัดที่ใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ก็จงขัดใจด้วย “สติ” จำไว้นะ