อาชีพเลี้ยงกุ้ง

แสดงธรรม กลุ่มสายธารธรรม เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2560
ผู้ปฏิบัติ : น้องเขาต้องมาทำอาชีพบ่อเลี้ยงกุ้ง ขายกุ้ง แทนคุณพ่อซึ่งป่วย เขากังวลมากว่าพ่อเขาและเขาที่ทำอาชีพนี้จะบาปไหมคะ เขาไม่มีเจตนาที่จะฆ่าสัตว์พวกนี้ค่ะ
ท่านทรงกลด : เรื่องนี้ดูเหมือนเคยตอบไปแล้ว ลองหาอ่านในโน้ตดู แต่เพื่อไม่ให้เสียธรรมที่ถามมา จะตอบให้นะ แต่ให้อ่านเรื่องเดิมประกอบด้วย การทำอาชีพดังกล่าวถือเป็นบาปอย่างหนึ่ง แต่บาปจะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับเจตนา ถ้าเราไม่มีเจตนา แต่ต้อทำเพื่อตอบแทนพระคุณของคุณพ่อ แม้จะเป็นอกุศลกรรมแต่ก็เบา เพราะเจตนาที่จะฆ่าแกงเขาจริงๆ ไม่มี
ทีนี้กรรมที่ทำ ก็แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นกรรมไม่ดี ศีลข้อ ๑ แต่ทำเพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ เงินที่หามาได้ก็มารักษาพ่อ เป็นความกตัญญู อันนี้เป็นกรรมดี ผลของกรรมนี้ ก็คือคนที่ทำจะมีโรคภัยเบียดเบียน แต่ก็จะไม่ตกต่ำเพราะอำนาจความกตัญญู คนที่เลี้ยงดูพ่อแม่ ชีวิตจะไม่ตกต่ำ บางทีแม้จะตก แต่ก็มีมือที่มองไม่เห็นมาพยุงไว้ไม่ให้ตกสุดขีด ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ เลี้ยงดูแต่เพื่อน แต่หมา เวลาตกจะตกสนิท แต่ก็อย่าไปกังวลใจกับกรรมอันนี้มาก ให้เร่งภาวนา จนได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุโสดาบัน ก็จะปิดอบายได้ แล้วจะมีธรรมะจัดสรรให้เราเลิกทำอาชีพนี้ไปเอง เมื่อถึงเวลานั้น
สมัยพุทธกาล พระเถระรูปหนึ่งไปโปรดเพชฌฆาตคือ ผู้ที่มีหน้าที่ประหารนักโทษ ขณะที่แสดงธรรม จิตของเขาไม่สงบเลย ไม่สามารถส่งกระแสจิตไปตามข้อธรรมที่แสดงได้ เพราะมัวแต่กังวลเรื่องประหารคน ทำให้จิตเศร้าหมอง ไม่สามารถรองรับธรรมที่พระเถระแสดงได้ พระเถระจึงถามบุรุษผู้นั้นว่า ที่ประหารคนนี่ทำด้วยความอยากทำหรือทำเพราะหน้าที่ เขาก็ตอบว่า ทำเพราะต้องทำตามคำสั่งพระราชา ที่จริงไม่อยากทำเลย พระเถระจึงถามต่อว่า เมื่อทำตามคำสั่งของพระราชา เขาบาปหรือพระราชาบาป ด้วยคำถามนี้ บุรุษนั้นจึงเข้าใจว่า พระราชาสิบาป เขาไม่บาปนี่ เพราะไม่ได้อยากทำเลย จิตก็กลับแจ่มใส สามารถมีสมาธิส่งใจจดจ่อธรรมที่พระเถระแสดง จนบรรลุโสดาปัตติผล ปิดอบายได้ในที่สุด
ถามว่า การที่พระเถระกล่าวเช่นนั้น ผิดหรือไม่ เพราะความจริงเขาเองก็มีส่วนในบาปอยู่แต่น้อย เพราะขาดเจตนาที่จะฆ่า เหมือนนักรบฆ่าศัตรูเพื่อรักษาแผ่นดิน รักษาพระศาสนา แม้จะบาป แต่ก็เบา แต่ที่พระเถระตอบเช่นนั้น เป็นกุศโลบาย เพื่อให้เขาสบายใจ เพื่อประโยชน์สูงสุดของเขาเองคือ การบรรลุพระโสดาบัน
ดังนั้นการที่ผู้ถามต้องเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง แต่ทำเพราะต้องทำแทนพ่อก็บาปแต่น้อย ผลกรรมนี้จะทำให้เจ็บออดๆ แอด ๆ แต่ไม่ถึงขนาดกรรมตัดรอน กรรมหนักแบบฆ่าวัว ฆ่าควาย อย่างหลังนี้กรรมจะเล่นถึงเอาชีวิตทีเดียว แม้จะพยายามขอก็ได้ชั่วไม่นาน สุดท้ายก็ต้องปล่อยไป (ตาย) เพราะเป็นกรรมหนัก ไม่ต้องกล่าวถึงการฆ่าคนด้วยจิตเจตนาอาฆาตอย่างพวกรถชนตายกะทันหัน หรือตายด้วยอุบัติเหตุกะทันหัน เรียกว่า กรรมตัดรอน พวกนี้ส่วนใหญ่ (อดีตชาติ) เคยฆ่าสัตว์ใหญ่มาแล้วทั้งนั้น ถึงเวลาเขาก็มาเอาคืน
เรื่องกรรมเป็นเรื่องละเอียด ซับซ้อน ซึ่งไม่ใช่สาระหรือเรื่องจำเป็นอะไรที่จะต้องไปรู้มาก หน้าที่เราก็คือ เจริญสติภาวนา ยังจิตให้ถึงพร้อม ถึงมรรค ถึงผล จิตที่ถึงมรรคผล จะเป็นจิตที่อยู่เหนือกรรม หมายความว่า กรรมจะส่งผลได้เพียงขันธ์ เช่น รูป (กาย) บ้าง เวทนาบ้าง แต่มาไม่ถึงใจหรอก พระอริยะเจ้าท่านจึงไม่กลัวบาปกรรมเลย กรรมส่งผลได้แต่เพียงขันธ์เท่านั้น และเมื่อถึงเวลากรรมส่งผลท่านจะยืดอกรับเหมือนลูกหนี้ที่พร้อมจะชำระหนี้เวลาเจ้าหนี้มาทวงเพราะท่านเห็นชัดแจ้งแล้วว่า ไอ้ที่ใช้หนี้ไปมันหาค่าอันใดไม่ได้ จะถือเป็นเรา ของเราก็ไม่ได้ เอาขันธ์ใช้หนี้แต่จิตหาเกี่ยวข้องด้วยไม่