อยู่กับ “รู้” คือ สติ
แสดงธรรม กลุ่มต้นบุญ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2558
ท่านทรงกลด : ผู้เคารพในธรรมย่อมเจริญในธรรม ผมมักจะพูดบ่อยๆ ในกลุ่มนี้ สนทนาธรรมกันด้วยความเคารพในธรรม เห็นแล้วปิติดีมากครับ ที่เคยเล่าว่า มีคนสนทนาธรรมกับหลวงปู่ชา หลวงปู่ดูลย์ บอกว่า ไม่มีเวลาภาวนา ท่านตอบว่า ถ้ายังมีเวลาหายใจอยู่ ก็มีเวลาภาวนา พระพุทธเจ้าบอกกับพระอานนท์ว่า อานนท์ หากพวกนอกศาสนาถามว่า พระพุทธเจ้าเป็นอยู่ด้วยอะไร เธอจงตอบพวกเขาว่า ตถาคตอยู่ด้วยอานาปานสติ เครื่องอยู่ของพระอรหันต์ไม่ใช่บ้านเรือนเหมือนปุถุชน เครื่องอยู่ของพระอริยะเรียกว่า วิหารธรรม พระพุทธเจ้ามีลมหายใจคือสติเป็นที่อยู่
แม้หลวงปู่ดูลย์ก็เคยตอบทำนองเดียวกัน มีคนไปถามว่า หลวงพ่ออรูปนั้นอยู่ในฌาน อยู่ในเมตตาพรหมวิหาร อยู่ในนั้นในนี้ หลวงปู่ดูลย์ตอบว่า ใครจะอยู่อย่างไร เราไม่รู้ แต่เราอยู่กับ “รู้” คือสติ
การแสดงธรรมของผมในกลุ่มนี้ ไม่ได้กำหนดหัวข้อเป็นพิเศษ ถ้าไม่มีใครตั้งกระทู้ไว้ก็แสดงไปตามที่รู้ที่เห็นแล้วกันนะครับ การแสดงธรรมให้คนที่เห็นคุณค่าในธรรม จริงๆ ไม่จำต้องแสดงมากหรอก ไม่กี่ประโยคก็ทำให้คนอ่านไปต่อได้แล้ว เปรียบเหมือนดอกบัวปริ่มน้ำ รอวันเบิกบานเท่านั้นเอง
ผมก็ไม่เคยสังเกตตัวเองเลยว่า เวลาแสดงธรรมจะแสดงอย่างไร เนื้อหาคืออะไร แสดงไปโดยใช้ใจนำทาง แต่แปลกมาก พอมารวบรวมธรรมที่แสดงไปกลับสามารถตั้งชื่อหัวข้อเรื่องได้อย่างเหมาะเจาะในเรื่องนั้นๆ จบสุดท้ายที่นิพพาน ซึ่งก็แปลกเหมือนกัน ไม่เคยจะพูดเรื่องนี้เลย ไม่เคยคิดจะพูดด้วยเพราะมันลึกซึ้ง คนไม่เข้าใจมากที่สุดและอาจจะหมดศรัทธาไปได้ แต่ไม่ได้สนใจ
วันหนึ่งมีสมาชิกท่านหนึ่งนำภาพหลวงปู่ฝั้นสอนพระที่ติดวิปัสสนูปกิเลสมาลงให้อ่าน ที่หลวงปู่ฝั้นขีดวงกลมให้พระองค์รูปนั้นดูว่า ข้างในมีอะไร ดูให้ดีๆ หากเห็นธรรมก็จะไปเห็นนิพพานอยู่ในตัว แต่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ คนไม่หนีธรรม สักวันต้องเห็นธรรม ผมรับรอง
วันนั้นก็ไม่กล้ามาแสดงเรื่องนิพพานในกลุ่มต้นบุญ เพราะเห็นว่า ผมยังใหม่อยู่ เกรงคนจะปรามาส เลยไปแสดงไว้ในกลุ่ม Natural Mind เพราะแสดงมาเป็นเวลานาน คงจะคุ้นเคยกับผมแล้ว คงไม่ปรามาสกันมาก เรื่องนิพพานก็เลยออกมาจากจิตในวันนั้น ซึ่งผมกลับไปอ่านอีกทีก็ขนลุกว่า เอ ! ออกมาได้อย่างไร เรื่องนี้ก็พิมพ์ไว้ในตอนสุดท้ายของหนังสือครับ เชื่อเถอะว่า พอหนังสือออกไป คนที่เจ้าตำราจะออกมาโจมตีอย่างใหญ่หลวง เพราะอ่านแล้วจะพูดทันทีว่า ทำไมแสดงนิพพานเป็นอัตตาอย่างนี้ นิพพานไม่มีตัวไม่มีตน เป็นอนัตตา แสดงได้อย่างไรว่า นิพพานมี ไม่สูญ คนพวกนี้เจ้าตำรา สักแต่ว่าอ่าน ไม่ลงมือปฏิบัติให้เห็นจริง
หลวงตามหาบัวก็ยืนยันว่า นิพพานมีจริง นิพพานก็คือนิพพาน จะเป็นอัตตาหรืออนัตตา ท่านไม่รู้ ท่านก็บอกว่า นิพพานก็คือนิพพาน มีอยู่ พระพุทธเจ้าก็ตรัสรับรองว่ามีอยู่ ก็ปล่อยให้พวกชอบคิด ชอบเถียง เถียงกันต่อไป ตายเปล่าไปอีกชาติหนึ่ง ผมคงไม่ออกมาเถียงโต้ตอบอะไรทั้งนั้น คงภาวนาเฝ้าดูจิตใจตนเองต่อไป แก้ไขตนเองต่อไป ซึ่งก็เอามาลงในหนังสือ กว่าจะถึงกระแสธรรมบางส่วน ส่วนที่พาดพิงถึงบุคคลอื่นหรือเรื่องลึกลับ คงไม่เอามาลงมาก