ลักษณะของพระแท้

แสดงธรรม กลุ่มต้นบุญ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2559
ท่านทรงกลด : วันก่อนมีท่านหนึ่งนำเรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ มาลง ผมอ่านแล้วก็ทั้งปิติและสลดใจในคราวเดียวกัน กล่าวคือ หลวงพ่อท่านก็สอนธรรมถูกต้องแต่ไม่มีใครเอากัน หาว่าสอนอะไรก็ไม่รู้ แต่คนส่วนหนึ่งก็ได้สติ ไม่ประมาท อันนี้ก็เป็นบุญเป็นกุศล หลวงพ่อทูลท่านก็สอนถูกสอนตรงตามแนวทางของท่านแต่ก็ไม่มีใครเชื่อสักเท่าใด ถึงขนาดพระผู้ใหญ่ห้ามแสดงธรรม ทีเดียว ท่านก็เงียบ ไม่แสดงก็ไม่แสดง พอท่านมรณภาพ อัฐิเป็นพระธาตุ คนที่เคยดูหมิ่นดูถูกไว้ตกใจ พากันไปกราบขอขมา จึงเห็นได้ว่า คนสมัยนี้จึงสอนยาก ยึดตำราดุจสรณะ พอคนที่ปฏิบัติได้จริงมาสอนต่างจากตำราก็พากันโจมตี หลวงปู่ชาจึงพูดเสมอว่า หนังสือก็อย่างหนึ่ง ปฏิบัติก็อย่างหนึ่ง แม้หลวงตามหาบัวก็เช่นกัน หนังสือเองบางทีก็รจนาเขียนโดยพระที่มียศฐาบรรดาศักดิ์แต่หาได้เข้าถึงธรรมแต่อย่างใดไม่ หลวงปู่มั่นตอนแสดงธรรมใหม่ๆ ก็มีพวกเจ้าตำรา พวกมหา พวกท่านเจ้าคุณมาลองภูมิกันยกใหญ่ บางคนก็ยอมรับ บางคนก็ได้แต่ความถือดีกลับไป ตายไปก็ลงนรกกันไปเป็นแถว
หลวงปู่มั่นท่านปรารถนาพุทธภูมิมา เมื่อบรรลุอรหัตผล ท่านจึงเที่ยวตามโปรดผู้คนตามวาสนาบารมีท่าน ต่างกับพระหลายๆ รูป เมื่อบรรลุธรรมก็ไม่ได้แสดงธรรมอะไรมาก เพราะปรารถนาเพียงสาวกภูมิธรรมดา แต่จิตนี้บริสุทธิ์เหมือนกันหมด ตำราคำสอนธรรมะในสมัยนี้ หยิบหรืออ่านเล่มไหนก็เหมือนกันหมดคือ ไม่รู้จริงแล้วมาเขียน พาคนหลงทางเป็นจำนวนมาก เราเป็นฆราวาส หากไปวิเคราะห์วิจารณ์เข้า คนที่เขานับถือจะด่าว่าเรา เอ ! เอ็งเป็นใครมาจากไหนนี่
พระที่บรรลุธรรมจริงๆ ส่วนใหญ่ท่านจะเงียบๆ เว้นแต่ปรารถนาอัครสาวกหรือพุทธภูมิมาแล้วมาบอกเลิก อันนี้ท่านจะมีกำลังที่จะสอนผู้คน เช่น หลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว หลวงปู่ชา ธรรมะมันจะออกมาเองดุจกระแสน้ำในเวลาแสดงธรรม พระอัญญาโกณฑัญญะ หลังจากบรรลุอรหัตผลแล้ว ก็กราบลาพระพุทธเจ้าไปอยู่เพียงลำพังในป่าใหญ่ มีฝูงช้างคอยดูแลปรนนิบัติ หลังจากพวกพระปัญจวัคคีย์ได้บรรลุโสดาปัตติผลถ้วนทั่วทุกท่านแล้ว พระพุทธเจ้าก็แสดงธรรมเรื่องอนัตตลักขณสูตรว่าด้วยขันธ์ห้านี้ไม่ใช่ของเรา ไม่ว่ากาย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ต่างก็เกิดแล้วเสื่อมดับไปๆ ๆ หาสาระแก่นสารตัวตนไม่ได้ จิตของพระปัญจวัคคีย์ก็หลุดพ้นจากพันธนาการคือ ความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้าออกมา เหลือไว้แต่ความบริสุทธิ์ของจิตล้วนๆ เหมือนหลวงปู่มั่นบรรลุอรหัตผล ท่านก็บอกว่า จิตที่พ้นไปจากอารมณ์คือบริสุทธิ์ พระอรหันต์เมื่อบรรลุอรหัตผล ก็จะถึงซึ่งผลอันเดียวกัน ก็จะกล่าวเหมือนกัน ใครใช่ ไม่ใช่ ก็ดูจากวาจาที่ท่านกล่าวนั้นได้ไม่ยาก อรหัตผลจะต้องผ่านจุดนี้ทั้งนั้น นั่นคือ ต้องเห็นขันธ์ห้าไม่ใช่ของเราอย่างแจ่มแจ้ง ด้วยญาณทัสสนะ จนจิตหลุดพ้น พ้นโลก เป็นโลกุตระ อยู่เหนือโลก เหนืออารมณ์ ที่หลวงปู่ชาบอกว่า ไปให้มันนอกเหตุเหนือผล นอกเกิดเหนือตายนั่นแหละ