จิตและใจ บุญและบาป

แสดงธรรม กลุ่มสายธารธรรม เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561
ผู้ปฏิบัติ : มีข้อถกเถียงกันว่า คำว่า “จิตและใจ” มีความหมายเดียวกันหรือต่างกัน และเรื่องบาปบุญไม่มีจริงเพราะทุกอย่างเป็นสมมุติบัญญัติ เป็นอนัตตา ใช่หรือไม่คะ
ท่านทรงกลด : จิตหรือใจคือสิ่งเดียวกัน ภาษาบาลีใช้ จิตฺต หรือ จิต ภาษาพูดก็คือ ใจ จิตปรุงแต่งไม่ใช่จิต จิตปรุงแต่งคืออารมณ์ต่างๆ จิตที่ไม่ปรุงแต่งคือ จิตเดิมหรือใจนั่นเอง
ตอนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ละกิเลสได้ ท่านก็อุทานเป็นประโยคแรกว่า “วิสังขาระคะตัง จิตตัง ตัณหานัง ขะยะมัชฌะคา” จิตของเราพ้นจากอุปาทานในขันธ์แล้ว เป็นสถานที่ปรุงแต่งต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เราได้ถึงแล้วซึ่งความสิ้นแห่งตัณหา (คือความพ้นทุกข์จากการไม่เกิดในภพใดอีก)
พระพุทธเจ้าใช้คำว่า จิต หลวงปู่มั่นใช้คำว่า ต้นจิต หลวงปู่ชาเรียกว่า จิตเดิม ทั้งหมดนี้คือสิ่งเดียวกัน ส่วนจิตเกิด (จิตสังขาร) จิตดับ ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง คนละอย่างกับจิต เรื่องนี้พวกที่เรียนพระอภิธรรมแต่ยังไม่เห็นธรรม ไม่บรรลุธรรม ไม่มีวันเข้าใจเข้าถึงหรอก ก็จะเอาความจำมาถกเถียงกัน เหมือนคนยังเดินไม่ถึงบ้าน แต่เรียนเรื่องบ้านที่คนถึงเขามาบอกเล่า แล้วก็มาเถียงกันเรื่องบ้านที่ตนยังไม่เคยเห็น เห็นกับจำมา มันคนละเรื่องกัน คนเล่าก็เล่าตามที่เห็น ส่วนคนเรียนก็เข้าใจไปอีกอย่าง และเข้าใจผิดอีกต่างหาก แล้วก็สอนกันผิดๆ ต่อๆ กันไป
ส่วนเรื่องบุญบาป ถ้ายังมีสมมุติ บุญบาปก็มีจริง ถ้าพ้นสมมุติ (อรหัตผล) บุญบาปและสิ่งทั้งปวงก็เป็นเพียงมายา พวกคนเขลาทั้งปวงก็จะบอกว่า บุญบาปไม่มีจริงหรอกเพราะเป็นสมมุติ เป็นอนัตตา โดยคนพูดลืมมองตัวเองว่า พ้นสมมุติหรือยัง คนพวกนี้ ตายไปหรือแม้ยังอยู่ก็ยังวนเวียนอยู่ในกรรม ในบุญบาปนั่นแหละ
คนที่ไม่เชื่อในบุญบาปอย่าไปคุยกับเขาเลย เสียเวลาเปล่า เอาเวลาไปปฏิบัติของเราดีกว่า คนพวกนี้คิดว่า ตายแล้วสูญ เลยใช้ชีวิตแบบไม่เคยเกรงกลัวบาป เห็นสุนัขจรจัดไหม เห็นกวางถูกสิงโตขย้ำไหม เห็นกบถูกงูกัดกินไหม นั่นแหละคนพวกนี้ทั้งนั้น เห็นคนเป็นใบ้ หูหนวก ตาบอดไหม นั่นแหละคนพวกนี้ทั้งนั้น คนไม่เชื่อเรื่องบุญบาป พระพุทธเจ้าบอกว่า เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างแรง ตายไปก็อบายภูมิอย่างเดียว
สำหรับผมแล้ว คนพวกนี้หยาบเกินไปที่จะสอนธรรมะได้ จะไม่สอน จะปล่อยเขาไป เพราะถ้าสอน เขาก็แว้งกลับมากัดด่าคนสอนอีก กรรมก็จะหนักทวีคูณ ยิ่งสอนก็ยิ่งทำร้ายเขา แต่ถ้าเขาพร้อมจะรับฟัง เปิดใจ ก็พอจะสอนได้ คนที่ไม่เชื่อเรื่องบุญบาปก็คือ คนที่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า คนที่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้าก็คือ คนนอกศาสนา แม้ตามทะเบียนบ้านระบุศาสนาพุทธ แต่ใจหาใช่ไม่
มีเพื่อนคนหนึ่งไม่เชื่อเรื่องนี้เหมือนกัน คิดว่า ตายแล้วสูญ ผมเลยให้ทำแบบทดสอบ ผมบอกเพื่อนว่า ให้หลับตา หายใจเข้าลึกๆ ให้รู้สึกตัว จากนั้นบอกเขาให้ยกมือขึ้น แล้วให้ลืมตา ผมถามว่า ตอนหลับตา ยกมือ ความรู้สึกนึกคิดกับมือที่ยกมันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือคนละอันกัน เพื่อนๆ ก็งงๆ
คนหนึ่งบอกว่า อันเดียวกัน ผมก็ถามต่อว่า ถ้าอันเดียวกัน เวลาขาเป็นเหน็บชา ใจหรือความรู้สึกนึกคิดชาไปด้วยไหม เพื่อนอึ้งไป แล้วบอกว่า เข้าใจแล้วว่าคนละอัน เพื่อนอีกคนก็ตอบว่า คนละอันเลย ผมก็ถามต่อว่า ถ้าคนละอันกัน เวลาเราตาย เขาเผามือ เผาขา เผาแขน ความรู้สึกนึกคิดถูกเผาไปด้วยไหม คราวนี้เงียบกริบทั้งวง ผมซ้ำต่อไปว่า ก็มันคนละอันกัน มือ แขน ขา ร่างกายเท่านั้นที่ถูกเผา ความรู้สึกนึกคิดหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ใจ ไม่ได้ถูกเผาไปด้วยเลย มันไปไหน มันก็ไปตามเหตุปัจจัย ตามบุญตามบาปที่พวกคุณทำกันนั่นแหละ
คราวนี้ เพื่อนคนหนึ่งลุกจากโต๊ะ หายไปนานเลย พอเขากลับมาก็ถามว่า เมื่อกี้หายไปไหนมา เขาบอกว่า ไอ้กลด กูนึกว่าตายแล้วสูญมาห้าสิบปีแล้ว มึงมาทำให้กูหายสงสัยวันนี้ แล้วเมื่อกี้ที่หายไป กูไปโทรศัพท์ขอโทษเมีย ก่อนออกจากบ้านทะเลาะกันหนัก เพราะคิดว่า ตายแล้วก็จบกัน พอมึงพูดให้ได้คิด กูเลยรีบโทรศัพท์ไปขอโทษเลย อันนี้ถอดแบบคำต่อคำนะ เลยอาจจะดูไม่สุภาพ แต่ธรรมะต้องตรงไปตรงมาแบบนี้แหละ จะมาอ้อมค้อมเหนียมอยู่ไม่ใช่วิสัยผม ธรรมะใครจริงไม่จริง ซักไล่ไม่กี่คำ ก็รู้แล้ว แบบทดสอบนี้ เป็นเพียงแนวคิดหรือ Logic เท่านั้น
ลองนั่งสมาธิแบบตัวตายเหลือแต่จิตดวงเดียวสิ บางคนนั่งได้ขนาดนั้น ก็ยังคิดว่าตายแล้วสูญอีก ผมเลยชี้ว่า ไอ้ที่เหลืออยู่มันคืออะไร กายหายไปหมดแล้ว คราวนี้ได้ปัญญาขึ้นมา คนนั่งสมาธิไม่ใช่ว่าจะฉลาดทุกคนนะ บางคนยิ่งนั่งยิ่งโง่ บางคนยิ่งอ่าน ยิ่งฟังธรรมะ ยิ่งโง่ ไม่ใช่ว่าอ่าน ฟัง นั่งแล้วจะฉลาดเสมอไป ถ้านั่งอ่าน นั่งฟังแบบไม่มีสติ (สติปัฏฐานสี่) รับรองโง่ทุกคน คนโง่บางคนก็สอนได้ บางคนก็สอนไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้โง่ต่อไป ตายไปจึงรู้ว่า อ้าว! เราถูกหลอกนี่หว่า ไหนบอกว่า นิพพาน ที่ไหนได้ นี่มันพรหมชั้นหนึ่งเท่านั้นเอง
แล้วจะปฏิบัติอย่างไร คำตอบก็ตือ สติจึงสำคัญที่สุด ขอให้จำไว้ ถ้าไม่มีสติแล้ว เสร็จ “มาร” ทุกราย แบบทดสอบเรื่อง หลับตายกมือนี้ ไม่หวงห้ามนะ เอาไปใช้ได้ อย่างน้อยก็ทำให้คนฉุกคิด กลัวบาปกรรมขึ้นมาได้บ้าง โดยเฉพาะคนที่มีลูกน้องเยอะๆ
ผมเคยไปทำที่สัมมนาที่หนึ่ง ผู้พิพากษาสมทบท่านหนึ่ง อายุมากแล้ว เดินมาส่งที่รถ มาบอกว่า ท่านครับ ตั้งแต่เกิดมา วันนี้มีความหมายที่สุดสำหรับชีวิตผม ผมหลงผิดมาตลอด คิดว่าตายแล้วสูญ ก็ลองเอาไปใช้ดู